ฝีที่ก้น อาการเล็กๆ แต่ความเจ็บปวดไม่เล็ก

ฝีที่ก้น อาการเล็กๆ แต่ความเจ็บปวดไม่เล็ก!

เมื่อพูดถึงฝี ตามร่างกายของเราสามารถเกิดฝีขึ้นได้ทั่วไป ไม่เว้นแม้แต่บริเวณก้น ซึ่งฝีที่ก้นนั้น แม้จะมีลักษณะเป็นตุ่มขนาดเล็ก แต่กลับสามารถสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานได้เป็นอย่างมากทีเดียว เพราะฉะนั้น เราลองไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่าฝีที่ก้นนั้นเกิดจากอะไร สามารถรักษาและป้องกันได้อย่างไรบ้าง บทความนี้เรามีคำตอบมาฝากกันแล้วค่ะ ไปดูกันเลย

ทำความรู้จักกับผีที่ก้น

ฝีที่ก้นจะมีลักษณะเป็นตุ่มที่อยู่บริเวณก้น ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า ฝีหนองที่เกิดจากการติดเชื้อบริเวณก้นหรือทวารหนัก ซึ่งฝีก้นนั้น มีอยู่หลายลักษณะคือ ฝีชนิดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เนื่องจากตุ่มฝีอยู่ภายใน ช่องทวารหนักค่อนข้างลึก และฝีประเภทที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าได้ โดยฝีที่ก้นชนิดนี้จะอยู่บริเวณปากรูทวหารหนัก ปัจจุบันฝีหนองที่ก้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในทางกลับกันไม่ควรปล่อยปละเลยเด็ดขาด เพราะฝีชนิดนี้ถึงแม้จะเล็ก แต่สามารถสร้างความเจ็บปวดทรมานได้ไม่น้อยเลยนั่นเอง

สาเหตุของการเกิดฝีที่ก้น

1.ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ – บางครั้งการมีเพศสัมพันธ์ก็ทำให้มีโอกาสรับเชื้อ อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝีที่กันได้

2.เกิดการอุดตันของต่อมในทวารหนัก – ภายในทวารหนักจะมีต่อมชนิดหนึ่ง โดยมีหน้าที่หลั่งสารหล่อลื่น สำหรับถ่ายอุจจาระ แต่เมื่อใดก็ตามที่ต่อมผลิตเมือกเกิดการอุดตันก็จะส่งผลทำให้เกิดการเสียดสี และส่งผลต่อหูรูด ก่อให้เกิดฝีที่ก้นตามมาได้นั่นเอง

3.ฝีคัณฑสูตร – เป็นความผิดปกติที่เกิดจากทวารภายในและภายนอกเกิดการทะลุ จนส่งผลทำให้เป็นผีคัณฑสูตร ซึ่งฝีชนิดนี้สามารถหายเองได้ แต่ในทางกลับกัน หากผู้ป่วยไม่ดูแลรักษา ฝีดังกล่าวก็ย่อมมีโอกาสกลับมาเกิดขึ้นได้อีกครั้ง

ฝีที่ก้น มีกี่ระยะ แต่ละระยะมีอาการอย่างไร?

ฝีที่ก้น นับว่าเป็นอาการผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อ โดยมีลักษณะเป็นตุ่มเล็กกว่าตุ่มฝีหนอง ซึ่งอาการที่พบผู้ป่วยจะมีลักษณะถึง 4 ระยะอาการดังนี้

1.อาการระยะที่ 1

ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย เมื่อมีการใช้งานอวัยวะส่วนก้นหรือใช้ทวหารหนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาขับถ่ายก็จะสามารถรับรู้ถึงความเจ็บปวดได้อย่างทันที โดยเฉพาะในขณะถ่ายอุจจาระ เพราะการเสียดสีระหว่างอุจจาระกับฝีนั้น ค่อนข้างสร้างความเจ็บปวดได้พอสมควรเลยทีเดียว

2.อาการระยะที่ 2

ตุ่มฝีจะค่อยๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ บางรายฝีที่ก้นอาจโผล่ออกมาให้เห็น สำหรับอาการระยะนี้จะค่อนข้างใช้ชีวิตกิจกรรมวัตรประจำวันค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะการนั่งหรือเคลื่อนไหวจนเกิดการเสียดก็สามารถสร้างความเจ็บปวดทุกข์ทรมานหรืออักเสบเพิ่มได้ด้วยเช่นกัน ยิ่งไปสัมผัสกับฝีที่บริเวณก้นด้วยแล้วก็จะยิ่งรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้อย่างทันที

3.อาการระยะที่ 3

นี่คือ ระยะออกอาการเลยนั่นเอง ซึ่งหากปล่อยเอาไว้เรื้อรังก็อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น มีหนอง หรือเลือดไหลออกมาจากช่องทวารหนัก, ตุ่มหรือฝีบริเวณรูทวารมีสีแดงบวม ซึ่งเกิดจากการเสียดสีจนอักเสบ รวมถึงอาจมีอาการท้องผูก และเหนื่อยง่ายร่วมด้วย

4.อาการระยะที่ 4

เรียกว่าอยู่ในช่วงระยะอันตราย หากปล่อยฝีที่ก้นเอาไว้นานจนเรื้อรัง มีโอกาสที่ฝีที่ก้นจะขยายจนส่งผลกระทบโดยตรงต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อาจจำเป็นต้องผ่าตัด และบางเคสฝีที่ก้นอาจถึงขั้นเข้าไปในลำไส้ตรง นับว่าอันตรายอย่างมากต่อระบบลำไส้ ระบบขับถ่าย ระบบทางเดินอาหาร และหากพบว่ามีไข้ หนาวสั่น ไม่ควรนิ่งเฉย ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที

อาการของฝีที่ก้นนั้น สามารถสังเกตได้ไม่ยาก โดยผู้ป่วยสามารถสัมผัสหรือรู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที สำหรับในเด็กนั้นพบได้ค่อนข้างน้อย แต่อาการโดยรวมหากฝีเกิดขึ้นกับเด็ก จะส่งผลทำให้เด็กร้องไห้ หงุดหงิด ไม่ร่าเริงแจ่มใส และที่สำคัญไม่สามารถนั่งได้ เพราะเจ็บก้นนั่นเอง

วิธีการรักษาฝีที่ก้น

1.รักษาด้วยการกินยา – วิธีทั่วไปที่สามารถรักษาได้เฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการของฝีที่ก้นยังไม่รุนแรงมากนัก โดยแพทย์จะทำการจ่ายยากลุ่มปฏิชีวนะ เพื่อบรรเทาอาการ รวมถึงยาที่มีผลทำให้อุจจาระนิ่ม

2.รักษาด้วยการผ่าตัด – กรณีฝีที่ก้นค่อนข้างรุนแรงอักเสบ บวม ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีนัยยะสำคัญ สำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องผ่าตัด เพื่อเอาฝีออก และทำความสะอาดเพื่อยับยังการเกิดเชื้ออีกรอบ

วิธีป้องกันเพื่อห่างไกลฝีที่ก้น

  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เน้นผลไม้ ธัญพืช เพื่อสะดวกในการขับถ่าย
  • หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหรือการทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเสียดสีระหว่างรูทวาร
  • ทำความสะอาดร่างกายอยู่เสมอเพื่อหลีกเลี่ยง การติดเชื้อ และห้ามสัมผัสรูทวารหนัก หากมือไม่สะอาดเพราะเสี่ยงติดเชื้อจากมือที่สกปรกได้
  • หลีกเลี่ยงการอั้นอุจจาระ เพราะอาจก่อให้เกิดภาวะท้องผูกจนทำให้อุจจาระแข็ง

ฝีที่ก้นถึงแม้จะเป็นเพียงแผลเล็ก ๆ ที่สร้างความเจ็บปวดให้ร่างกายของเราได้อย่างไม่ปราณี แต่วิธีป้องดูแลและป้องกันนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ขอเพียงแค่คุณหมั่นใส่ใจดูแลสุขภาพอยู่เสมอ และปรับพฤติกรรมดังที่เราแนะนำไปข้างต้นเพื่อให้ห่างไกลจากการเกิดฝีดังกล่าว เพียงเท่านี้ฝีที่ก้นก็ไม่มาเยือนแล้วค่ะ